วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
คำคมวันนี้ และสำหรับวันต่อ ๆ ไป (サンワーン)
困らなければ知恵が出ない。
ถ้าไม่ลำบากเดือดร้อนก็จะไม่เกิดปัญญา
人は満足するときや安心してるときは知恵を出そうとしない。
คนเราถ้ารู้สึกยินดีพอใจ หรือมั่นคงมั่นใจก็จะไม่พยายามที่จะสร้างภูมิปัญญา
だから高い目標を立てて、必ず自分をそこに追い込んでいきましょう。
เพราะฉะนั้นมาตั้งเป้าหมายให้สูงไว้และนำพาตัวเองไปสู่เป้าหมายนั้นให้ได้
一人のひらめき(発明)より10人の知恵を
ภูมิปัญญาของคน ๑๐ คนย่อมมีพลังมากกว่า(ฮีโร่)คนเดียว
タイ語の教科書ーหนังสือเรียนภาษาไทย (sungwal suntong)
อาจารย์ สังวาลย์ สุนทอง
テキストの目的
1.このテキストは、タイで生活を始めた日本人学習者が、各課を通して学習した後、各自実生活の様々な場面ですぐに使える会話で構成されています。
2.日本人学習者にとって、タイ語学習の最大のポイントと難関は、日本語にない発音を正しく発音できるようになるか、また正しく聞き取ることができるようになるかという2点に尽きると言えます。そこで、このテキストでは、日本人の最大の弱点である、日本語にはない、タイ語独自の発音方法をわかりやすく説明しています。どうすればタイ人と同じような(または、タイ人が正しく聞き取れるような)正しい発音ができるのか、その方法を重点的に学習します。
3.このテキストは、タイ語中級更には上級レベルも視野に入れ、基本文法から、学習者が無理なく、しかも確実に上達できるように構成されています。段階を踏んで、徐々にステップアップしていけます。
4.このテキストにはたくさんの練習(パターンプラクティス)があります。これは、練習量を増やして、繰り返すことで、学習者に必要な単語や文型を完全に定着させ、日本人が教室外で臆することなく自信を持って話せるようにするためです。
2.日本人学習者にとって、タイ語学習の最大のポイントと難関は、日本語にない発音を正しく発音できるようになるか、また正しく聞き取ることができるようになるかという2点に尽きると言えます。そこで、このテキストでは、日本人の最大の弱点である、日本語にはない、タイ語独自の発音方法をわかりやすく説明しています。どうすればタイ人と同じような(または、タイ人が正しく聞き取れるような)正しい発音ができるのか、その方法を重点的に学習します。
3.このテキストは、タイ語中級更には上級レベルも視野に入れ、基本文法から、学習者が無理なく、しかも確実に上達できるように構成されています。段階を踏んで、徐々にステップアップしていけます。
4.このテキストにはたくさんの練習(パターンプラクティス)があります。これは、練習量を増やして、繰り返すことで、学習者に必要な単語や文型を完全に定着させ、日本人が教室外で臆することなく自信を持って話せるようにするためです。
5.このテキストは、初級ⅠⅡⅢの3冊で構成され、各学習時間は60時間を目安として編集されており、学習者は、約180時間でこの3冊の学習を終了するように考えてあります。この3冊で、タイ語の日常会話をほとんどカバーでき、日常生活での会話には困らないレベルまで上達できます。
テキストの構成と特長
1. 発音練習は、初歩から順に分かり易く練習できるようになっています。
2.会話練習は、いろいろな場面ごとに実際に使われている「生きた会話」の例文を示し、それらを繰り返し練習することにより、さまざまな特殊な場面にも応用できるようになっています。
3.練習では、話す、聞くに重点を置き、学習者が自然に話し、聞き手の返答も正しく聞き取れるように、たくさんの練習問題を組み込んでいます。
4.実際の会話では非常に多くの単語が使われています。しかし初級レベルでは、そのすべてを覚える必要はなく、短期間で覚えられるものでもありません。このテキストでは、その中から使用頻度の高い順に、特に日常会話に必要な単語を選んであります。少しでも学習者の負担を軽減し、しかも効率よく学習できるよう工夫されています。
5.学習者に、より分かりやすい、楽しい授業となるようにカラー印刷にしました。
5.学習者に、より分かりやすい、楽しい授業となるようにカラー印刷にしました。
タイ語会話のテキスト・หนังสือเรียนสนทนาภาษาไทยสำหรับชาวญี่ปุ่น(sungwal suntong)
1. หนังสือเรียนภาษาไทยชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ได้เรียนรู้ภาษาไทยในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่มีความสำคัญ และสามรถนำไปใช้ได้จริง
2. เป็นที่ทราบกันดีว่าอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งในการเรียนภาษาไทยของชาวญี่ปุ่นคือ ความยุ่งยากในการออกเสียง ให้ถูกต้อง และการฟังเสียงภาษาไทย โดยเฉพาะเสียงที่ไม่มีในภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาข้อนี้จึงได้อธิบายลักษณะพิเศษเฉพาะของภาษาไทยไว้ และบอกวิธีให้ผู้เรียนรู้ว่า จะต้องออกเสียงอย่างไรถึงจะออกเสียงได้เหมือน หรือใกล้เคียงกับคนไทย
3. หนังสือเรียนภาษาไทยชุดนี้ได้จัดทำบทเรียนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ไวยากรณ์จากระดับพื้นฐาน แล้วค่อย ๆ ก้าวไปสู่ระดับสูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนในระดับชั้นกลาง หรือชั้นสูงต่อไป
4. หนังสือเรียนภาษาไทยชุดนี้ได้จัดทำแบบฝึก (pattern practice) ในรูปแบบต่าง ๆ ไว้หลากหลายรูปแบบ จุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ ครั้งจนสามรถจดจำคำศัพท์ และรูปประโยคได้อย่างขึ้นใจ ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้เรียน สามารถนำไปใช้ได้จริงนอกห้องเรียน
5. หนังสือเรียนภาษาไทยชุดนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 เล่ม (เล่มละ10 บท) มีเนื้อหาครอบคลุมการสนทนาที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันที่สำคัญ ๆ ในระดับหนึ่ง
ลักษณะพิเศษ และจุดเด่น
1. ให้ความสำคัญกับการฝึกออกเสียงเป็นพิเศษ ด้วยการเปรียบเทียบความคล้าย และความต่างของภาษาไทย และภาษาญี่ปุ่น ตลอดจนส่วนที่เป็นลักษณะพิเศษของทั้งสองภาษา และฝึกอย่างมีขั้นตอนด้วยความค่อยเป็นค่อยไป
2. แบบฝึกสนทนาได้นำเอาสถานการณ์ที่มีโอกาสพบบ่อยในชีวิตประจำวันมาให้ฝึกซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
3. แบบฝึกจะให้ความสำคัญกับการฝึกพูด ฝึกฟัง มีด้วยกันหลายรูปแบบ
4. คำศัพท์ที่ใช้ในการสนทนาในชีวิตประจำวันนั้นมีอยู่มากมาย แต่สำหรับผู้เรียนในระดับชั้นต้นไม่มีความจำเป็น
ที่จะจะต้องจดจำทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้นนี้ ดังนั้นจึงได้คัดเอาแต่เฉพาะคำศัพท์มีโอกาสใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้เรียนมากไป แต่ก็คำนึงถึงความมีประสิทธิภาพ และความเหมาะสมเป็นสำคัญ
5. ได้จัดพิมพ์เป็นสี่สี เพื่อทำให้การเรียนการสอนมีความสนุก และช่วยให้ผู้เรียนจดจำ เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
Sungwal suntong
อ. สังวาลย์ สุนทอง
การสอนการออกเสียงภาษาไทย
ข้อควรปฏิบัติในการสอนการออกเสียงภาษาไทยให้แก่ผู้เรียนชาวต่างชาติ
จะสอนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และไม่น่าเบื่อ (มีความสนุก)
1. มีลำดับขั้นตอนก่อนหลัง
2. ทำความเข้าใจเนื้อหากับนักเรียนก่อน ก่อนที่จะเข้าบทเรียน หรือหัวข้อใหม่ ( เปรียบเทียบเสียงซึ่งกันและกันของทั้ง
สองภาษา ถ้าผู้สอนรู้ภาษาแม่ของผู้เรียน )
3. เมื่อได้อธิบายชี้แจง ทำความเข้าใจแล้วให้เริ่มฝึกอย่างจริงจัง และฝึกให้บ่อยครั้ง (ตามความเหมาะสม) จนเห็นว่า
ผู้เรียนสามารถออกเสียงได้ตามที่คาดหวัง จึงเปลี่ยนไปสู่ขั้นตอนต่อไป
4. ให้กำลังใจด้วยการชมเชยบ้างเป็นบางครั้ง และผู้สอนต้องยิ้มแย้มอยู่เสมอเพื่อสร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน
5. ในส่วนที่เป็นหัวข้อสำคัญ (ซึ่งจะขออธิบายเพิ่มเติมภายหลัง) ต้องให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกเป็นรายบุคคลทีละคน แต่ใน
ส่วนที่เป็นแบบฝึกหัดควรให้ฝึกไปพร้อมๆ กัน
6. ให้ผู้เรียนที่ยังไม่ได้ฝึก หรือผู้ที่ฝึกผ่านไปแล้ว คอยสังเกตการออกเสียงของเพื่อนคนอื่น ๆ ไปด้วย และเมื่อรู้สึกว่า
ผู้เรียนเหนื่อย ควรหยุดพักบ้าง ( ประมาณ 2 นาที )
7. แก้เสียงให้ทันทีที่ผู้สอนเห็นว่าผู้เรียนออกเสียงไม่ถูก หรือผิดเพี้ยนไป
8. ใช้อุปกรณ์ช่วยในการฝึกออกเสียงเช่น กระจกส่องเงา (เพื่อดูปาก) กระดาษ (เพื่อสังเกตเสียงที่มีลมและไม่มีลม)เป็นต้น
9. เตือนผู้เรียนอยู่เสมอว่าให้พยายามออกเสียงเลียนแบบเสียงของครูผู้สอนให้มากที่สุด หรือเสียงที่ได้จากแหล่งเสียงอื่น
เช่น เทป C D ที่เป็นอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน เป็นต้น
10. ในระหว่างช่วงของการออกเสียง ควรเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เช่น การนับเลข นับเวลา นับวันนับเดือน หรืออื่น ๆ ซึ่ง
ก็ถือเป็นการฝึกออกเสียงเหมือนกัน
Introduction
ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่บทเรียนถ้าสามารถอธิบาย(ด้วยภาษาแม่ หรือภาษาที่ผู้เรียนเข้าใจ)ให้ผู้เรียนเข้าใจได้ ควรจะอธิบายลักษณะเด่น หรือลักษณะพิเศษของภาษาไทยอย่างย่อ ๆ ดังนี้
1-1 เป็นคำโดด หรือคำพยางค์เดียว เช่น
-คำนาม ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ไก่ ปลา
-คำคุณศัพท์ เร็ว ช้า เปรี้ยว หวาน เก่ง สวย
-คำกริยา ฟัง พูด อ่าน เขียน เดิน วิ่ง กิน
1-2 มีเสียงวรรณยุกต์ 5 ระดับคือ
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงสามัญ mai ไมค์
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงเอก mài ใหม่
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงโท mâi ไม่, ไหม้
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงตรี mái ~ มั้ย (~ไหม ?)
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงจัตวา mǎi (ผ้า)ไหม
1-3 มีตัวสะกด(คล้ายกับภาษาอังกฤษ)
1. ~ n- man 2. ~ ŋ (~ ng)- song
3. ~ m- room 4. ~ t- cat
5. ~ k- book 6. ~ p- map
7. ~ w- new 8. ~ y- buy
* มีความรู้อีกมากมายเพียงแต่เรามาร่วมงานกัน คุณจะได้รับการถ่ายทอดอย่างหมดเปลือก
ครูสอนภาษาไทยให้ชาวญี่ปุ่น
การสอนการออกเสียงภาษาไทย
ข้อควรปฏิบัติในการสอนการออกเสียงภาษาไทยให้แก่ผู้เรียนชาวต่างชาติ
จะสอนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และไม่น่าเบื่อ (มีความสนุก)
1. มีลำดับขั้นตอนก่อนหลัง
2. ทำความเข้าใจเนื้อหากับนักเรียนก่อน ก่อนที่จะเข้าบทเรียน หรือหัวข้อใหม่ ( เปรียบเทียบเสียงซึ่งกันและกันของทั้ง
สองภาษา ถ้าผู้สอนรู้ภาษาแม่ของผู้เรียน )
3. เมื่อได้อธิบายชี้แจง ทำความเข้าใจแล้วให้เริ่มฝึกอย่างจริงจัง และฝึกให้บ่อยครั้ง (ตามความเหมาะสม) จนเห็นว่า
ผู้เรียนสามารถออกเสียงได้ตามที่คาดหวัง จึงเปลี่ยนไปสู่ขั้นตอนต่อไป
4. ให้กำลังใจด้วยการชมเชยบ้างเป็นบางครั้ง และผู้สอนต้องยิ้มแย้มอยู่เสมอเพื่อสร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน
5. ในส่วนที่เป็นหัวข้อสำคัญ (ซึ่งจะขออธิบายเพิ่มเติมภายหลัง) ต้องให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกเป็นรายบุคคลทีละคน แต่ใน
ส่วนที่เป็นแบบฝึกหัดควรให้ฝึกไปพร้อมๆ กัน
6. ให้ผู้เรียนที่ยังไม่ได้ฝึก หรือผู้ที่ฝึกผ่านไปแล้ว คอยสังเกตการออกเสียงของเพื่อนคนอื่น ๆ ไปด้วย และเมื่อรู้สึกว่า
ผู้เรียนเหนื่อย ควรหยุดพักบ้าง ( ประมาณ 2 นาที )
7. แก้เสียงให้ทันทีที่ผู้สอนเห็นว่าผู้เรียนออกเสียงไม่ถูก หรือผิดเพี้ยนไป
8. ใช้อุปกรณ์ช่วยในการฝึกออกเสียงเช่น กระจกส่องเงา (เพื่อดูปาก) กระดาษ (เพื่อสังเกตเสียงที่มีลมและไม่มีลม)เป็นต้น
9. เตือนผู้เรียนอยู่เสมอว่าให้พยายามออกเสียงเลียนแบบเสียงของครูผู้สอนให้มากที่สุด หรือเสียงที่ได้จากแหล่งเสียงอื่น
เช่น เทป C D ที่เป็นอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน เป็นต้น
10. ในระหว่างช่วงของการออกเสียง ควรเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เช่น การนับเลข นับเวลา นับวันนับเดือน หรืออื่น ๆ ซึ่ง
ก็ถือเป็นการฝึกออกเสียงเหมือนกัน
Introduction
ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่บทเรียนถ้าสามารถอธิบาย(ด้วยภาษาแม่ หรือภาษาที่ผู้เรียนเข้าใจ)ให้ผู้เรียนเข้าใจได้ ควรจะอธิบายลักษณะเด่น หรือลักษณะพิเศษของภาษาไทยอย่างย่อ ๆ ดังนี้
1-1 เป็นคำโดด หรือคำพยางค์เดียว เช่น
-คำนาม ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ไก่ ปลา
-คำคุณศัพท์ เร็ว ช้า เปรี้ยว หวาน เก่ง สวย
-คำกริยา ฟัง พูด อ่าน เขียน เดิน วิ่ง กิน
1-2 มีเสียงวรรณยุกต์ 5 ระดับคือ
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงสามัญ mai ไมค์
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงเอก mài ใหม่
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงโท mâi ไม่, ไหม้
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงตรี mái ~ มั้ย (~ไหม ?)
-เสียงวรรณยุกต์ เสียงจัตวา mǎi (ผ้า)ไหม
1-3 มีตัวสะกด(คล้ายกับภาษาอังกฤษ)
1. ~ n- man 2. ~ ŋ (~ ng)- song
3. ~ m- room 4. ~ t- cat
5. ~ k- book 6. ~ p- map
7. ~ w- new 8. ~ y- buy
* มีความรู้อีกมากมายเพียงแต่เรามาร่วมงานกัน คุณจะได้รับการถ่ายทอดอย่างหมดเปลือก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)